ดัชนีดอลลาร์สหรัฐอัปเดตค่าต่ำสุดในรอบสามปีเมื่อวันจันทร์ โดยตกลงมาอยู่ในช่วง 97 เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 เงินดอลลาร์เริ่มต้นสัปดาห์การซื้อขายด้วยช่องว่างขาลง ท่ามกลางปฏิทินเศรษฐกิจที่เกือบจะว่างเปล่า (อีกทั้งยังเป็นวันอีสเตอร์มันเดย์) เหตุผลที่สำคัญสำหรับการลดลงอย่างเฉียบพลันของเงินดอลลาร์คือความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ เนื่องจากแนวโน้มที่เลวร้ายของสงครามการค้า และการกล่าวอ้างว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการปลดประธานธนาคารกลาง Jerome Powell แม้ว่าปัจจัยแรกจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันเงินดอลลาร์ แต่ความขัดแย้งระหว่าง "ทรัมป์กับพาวเวลล์" ค่อนข้างจะเป็นเสียงรบกวนเสียมากกว่า แม้ว่าเสียงจะดังกว่าในสมัยประธานาธิบดีครั้งแรกของทรัมป์ก็ตาม
นักวิเคราะห์หลายคนเริ่มเปรียบเทียบสถานการณ์ในปี 2019-2020 ซึ่งทรัมป์กดดันประธานธนาคารกลางสหรัฐ โดยเรียกร้องให้มีนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น ในเวลานั้นเขาเรียกร้องให้ลดอัตราดอกเบี้ยและเปิดรอบใหม่ของ QE ทรัมป์แสดงความไม่พอใจกับพาวเวลล์อย่างเปิดเผยและเรียกร้องให้เขาลาออก ทีมของประธานาธิบดีถึงขนาดพิจารณาช่องทางกฎหมายในการปลดพาวเวลล์ แต่ตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐได้รับการคุ้มครองจากแรงกดดันทางการเมืองอย่างดี ท้ายที่สุด ทรัมป์ต้องถอยออกไป
ปีนี้เรื่องราวยังคงดำเนินต่อไป อย่างไรก็ตาม การเปรียบเทียบตรงๆ กับปี 2019-2020 นั้นไม่ค่อยเหมาะสม ทรัมป์ทำการตัดสินใจที่รุนแรงมากขึ้นในขณะนี้ สภาคองเกรสอยู่ภายใต้การควบคุมของพรรคริพับลิกัน และคนใกล้ชิดของเขามีความจงรักภักดีต่อวาระของเขามากกว่า ดังนั้นเขาอาจกระทำการอย่างรุนแรงมากขึ้นในประเด็นเรื่องพาวเวลล์
ภายใต้กฎหมายของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีไม่สามารถปลดประธานธนาคารกลางสหรัฐได้ตามอำเภอใจ แต่สามารถเริ่มกระบวนการได้ ผู้ว่าการธนาคารกลาง รวมถึงประธานธนาคารสามารถถูกถอดได้เพราะ "เหตุอันควร" แม้ว่าคำนี้จะไม่ชัดเจน แต่ในทางกฎหมายหมายถึงเหตุผลที่ร้ายแรง เช่น การประพฤติมิชอบหรือการละเว้นหน้าที่ ความขัดแย้งเรื่องนโยบายการเงินไม่เพียงพอเป็นสาเหตุ อย่างไรก็ตาม ทรัมป์อาจอ้างว่าพาวเวลล์ไม่มีความสามารถในเชิงวิชาชีพและเซ็นคำสั่งผู้บริหารเพื่อปลดเขาได้ พาวเวลล์เกือบจะแน่นอนที่จะอุทธรณ์ต่อศาลรัฐบาลกลาง ซึ่งน่าจะสนับสนุนเขา หากประธานาธิบดีไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน
เส้นทางในทางทฤษฎีอีกหนึ่งทางคือการถอดถอน ซึ่งสมาชิกของสภาผู้แทนราษฎรสามารถเริ่มต้นได้ แม้ว่าการถอดถอนจะไม่จำกัดแต่ประธานาธิบดีหรือผู้พิพากษาและในทางเทคนิคสามารถใช้ได้กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางทุกคน แต่ก็ไม่มีบรรทัดฐานเช่นนี้เกิดขึ้นจริงๆ ในกรณีของพาวเวลล์จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากการฟ้องร้องต้องการข้อกล่าวหาการประพฤติมิชอบร้ายแรง เช่น การทุจริต ความขัดแย้งทางการเมืองไม่ถือเป็นความผิด
ในความเห็นของผม แม้ทรัมป์จะเต็มใจที่จะกระทำการอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่น่าจะดำเนินการต่อสู้ครั้งนี้เนื่องจากมีพื้นฐานทางกฎหมายที่อ่อนแอ นอกจากนี้ยังไม่ต้องกล่าวถึงความผันผวนของตลาดที่รุนแรงจากการกระทำนี้ ตามที่ The New York Times ทรัมป์มีแนวโน้มที่จะรอดูสถานการณ์ เนื่องจากวาระของพาวเวลล์จะสิ้นสุดในเดือนพฤษภาคมปีหน้า ความซับซ้อนทางกฎหมายและความเสี่ยงในเชิงตลาดเป็นเหตุผลหลัก
นอกจากนี้ยังควรจดจำถึงเหตุการณ์ในฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมาเมื่อพันธมิตรของทรัมป์ เอโลน มัสก์ เรียกร้องให้ "ปรับโครงสร้างธนาคารกลาง" ก่อนที่ประธานาธิบดีจะเข้ารับตำแหน่ง มัสก์สนับสนุนการเรียกร้องของวุฒิสมาชิก Mike Lee ให้พาวเวลล์ลาออก โดยระบุว่าธนาคารกลางได้หลงทางจากรัฐธรรมนูญ เขาโต้แย้งว่าธนาคารกลางควรขึ้นตรงต่อฝ่ายบริหารพร้อมเริ่มใช้แฮชแท็ก #EndTheFed ในสื่อสังคมออนไลน์ การเรียกร้องดังกล่าวทำให้เกิดความวุ่นวายในตลาด (รวมถึง EUR/USD) แต่ตามที่เราเห็นในตอนนี้ ยังไม่มีการดำเนินการทางกฎหมายเพิ่มเติม
สี่เดือนกับวาระใหม่ของทรัมป์ ไม่มีสัญญาณของการปฏิรูปธนาคารกลาง และก็เป็นไปได้ว่าจะไม่มี การปลดพาวเวลล์ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งภัยคุกคามที่ไม่เกิดขึ้นจริง
สรุป: ตลาดน่าจะดูดซับ "ปัจจัยพื้นฐาน" นี้ได้อย่างรวดเร็ว เว้นแต่ทรัมป์จะพยายามปลดพาวเวลล์ด้วยคำสั่งผู้บริหารโดยตรง
มุมมองทางเทคนิค: ในเกือบทุกช่วงเวลา EUR/USD อยู่ระหว่างกลางและขอบบนของ Bollinger Bands (H1, H4, D1) หรือบนขอบบน (W1, MN) ตัวบ่งชี้ Ichimoku ได้ส่งสัญญาณขาขึ้น "Parade of Lines" บน H4 และ D1 ซึ่งยืนยันความสำคัญของตำแหน่งยาว สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ดำเนินอยู่และการขาดข้อตกลงกับสหภาพยุโรปจะยังคงกดดันดอลลาร์ ไม่ว่ากรณีของพาวเวลล์จะเป็นเช่นไร ตำแหน่งยาวยังคงมีความเกี่ยวข้อง การย่อตัวควรมองว่าเป็นโอกาสในการเปิดตำแหน่งยาวโดยมีเป้าหมายที่ 1.1550 (ขอบบนของ Bollinger Band บน H4) และ 1.1600 (ขอบบนของ Bollinger Band บน D1)
